วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2551

ฟีโรโมน สารเคมีใต้รักแร้ เพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้าม

เรื่องความสวย ความหล่อของมนุษย์เรา นอกจากจะ "ไม่คงทน" แล้วยัง "ไม่คงที่" อีกด้วย ลองดูกันง่ายๆ ลองสังเกตความสวย ความหล่อของคนรอบข้างคุณดูสิ คุณเคยรู้สึกไหมว่า ทำไมวันนี้ยายสุนีย์ ซึ่งเมื่อวานยังดู "เห่ย" อยู่หยกๆ ทำไมวันนี้ถึงดูสวยจัง หรือ สมชายบางวันทำไม ดูล้อ...หล่อ แต่บางวันก็ดูงั้นๆ แหละ เออ! ทำไม ? คุณรู้หรือเปล่า ? ว่ากันถึงเรื่องความสวย ความหล่อ ทุกคนก็คงจะรู้สึกกันดีอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีสูตรสำเร็จอันใดสามารถนำมาวัดกันได้เป๊ะๆ เหมือน "สูตรคูณ" เพราะนี่เป็นเรื่องของนามธรรม ซึ่งขึ้นอยู่กับสายตา ความรู้สึก อารมณ์และรสนิยมของแต่ละคน แต่นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับ "ฟีโรโมนส์ " ด้วย ฟีโรโมนส์ที่ว่านี้ไม่ใช่ "ครีมทาหน้า" หรือ ครีมสูตรมหัศจรรย์ที่ไหนนะคะ หากแต่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงผู้ชายทุกคนมีอยู่กับตัวเราแล้ว ตรงรักแร้! ชักน่าสนใจแล้วสิ แล้วคุณจะรู้สึกว่าเจ้าฟีโรโมนส์ช่างน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อคุณรู้ว่าเจ้าฟีโรโมนส์ช่างน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อคุณรู้ว่าเจ้าฟีโรโมนส์นี้มันมีส่วนช่วยให้คุณดูเป็นผู้หญิง-ผู้ชายที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้ามยิ่งขึ้นด้วย ว้าว! ทั้งนี้จากบทความของรอยเตอร์เขียนโดย แพทริเซีย รีนีย์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน ที่ผ่านมาเล่าว่า ฟีโรโมนส์เป็นสารเคมีในร่างกาย เป็นสารไร้กลิ่น หากแต่ "ไม่ไร้น้ำยา" เพราะมีสรรพคุณช่วยกระตุ้นความรู้สึกเสน่ห์หา ช่วยกระตุ้นความรู้สึกว่าเพศตรงข้ามต่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากขึ้น ไม่ใช่แต่มนุษย์เท่านั้น ที่มีสารเคมีตัวนี้ในร่างกายแม้แต่สัตว์ก็มี และสารฟีโรโมนส์ในสัตว์ก็เป็นสารเคมีตัวสำคัญ ที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมทางเพศของสัตว์ต่างๆ เหล่านั้นหรือพูดง่ายๆ ก็คือเป็นสารเคมีที่กระตุ้นให้สัตว์เกิดความรู้สึกปิ๊งปั๊งอยากมีคู่นั่นเอง เรื่องสารเคมีบริเวณรักแร้ที่น่ารักเหลือหลายนี้ เป็นผลการศึกษาใหม่ล่าสุดที่คณะผู้เชี่ยวชาญของอังกฤษนำมาเสนอ ในการประชุมประจำปีของสมาคม นักจิตวิทยาแห่งอังกฤษ ที่เมืองวินเชสเตอร์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน เพื่อให้ที่ประชุมรับทราบว่า สารเคมีตัวนี้ก็ส่งผลหรือมีอิทธิพลต่อมนุษย์เหมือนที่มีต่อสัตว์นั่นแหละ "สารฟีโรโมนส์ในผู้ชายสามารถกระตุ้นให้ผู้หญิงรู้สึกว่าผู้ชายมีหน้าตามีเสน่ห์ดึงดูดใจมากขึ้น" ดร.นิก นีฟ แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธัมเบรีย หัวหน้าคณะศึกษาวิจัยเรื่องนี้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ทางโทรศัพท์ ดร.นีฟและคณะทำงานของเขาค้นพบว่า ยิ่งให้ผู้หญิงได้สัมผัสสารฟีโรโมนส์ในผู้ชายมากขึ้นก็ยิ่งจะช่วยกระตุ้นให้พวกเธอรู้สึกว่าผู้ชายดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากขึ้น ทั้งนี้จากการศึกษาดังกล่าว คณะทำงานของ ดร.นีฟได้ทดลองในผู้หญิง 32 คน โดยให้พวกเธอให้คะแนนความมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจ ต่อการดูรูปภาพของผู้ชายหลายๆ คนแล้วยังรูปวาดครึ่งตัวของผู้ชายและตัวละครผู้ชายในนิยาย หลังจากนั้นก็ให้ผู้หญิงกลุ่มนั้นสัมผัสสารฟีโรโมนส์ของผู้ชาย แล้วให้เธอลองให้คะแนนความมีเสน่ห์ดึงดูดใจของรูปภาพผู้ชายชุดเดิมอีกครั้ง จากนั้นต่อมาอีก 2 สัปดาห์ เมื่อผู้หญิงกลุ่มเดิมอยู่ในช่วงต่างๆ ของรอบประจำเดือนของพวกเธอก็ลองทำการทดสอบซ้ำแบบเดิมทั้ง 2 อย่างนั้นอีก ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คือ ผู้หญิงทุกคนต่างให้คะแนนว่า รูปภาพของผู้ชายเหล่านั้นดูหล่อเหลา ดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดใจพุ่งกระฉูดในช่วงที่เธอได้สัมผัสสารฟีโรโมนส์ของผู้ชาย "ในช่วงที่ได้รับสารฟีโรโมนใบหน้าของผู้ชายทุกคนล้วนดูหล่อเหลา ดูมีเสน่ห์ขึ้น แม้แต่ใบหน้าของผู้ชายที่ได้รับการประเมินคะแนนจากพวกเธอว่า ขี้เหร่ที่สุด ก็ยังดูมีเสน่ห์ขึ้น" ดร.นีฟเล่า ทั้งนี้จากบทความของรอยเตอร์ว่าการค้นพบของ ดร.นีฟเป็นเสมือนกระจกที่สะท้อนให้เห็นถึงผลการศึกษาก่อนหน้านี้ของออสเตรเลียต่อเรื่องอิทธิพลของสารฟีโรโมนส์ในสตรีที่ส่งผลต่อผู้ชาย ซึ่งยังระบุด้วยว่าสารเคมีดังกล่าวจะส่งผลต่อผู้หญิงมากที่สุดในช่วงกลางรอบเดือนของพวกเธอ คือจะทำให้พวกเธอดูมีเสน่ห์ดึงดูดต่อผู้ชายมากขึ้นในช่วงนั้น "ส่วนการศึกษาชิ้นอื่นๆ ที่เคยปรากฏมาในอดีตก็เช่น การศึกษาถึงผลของยาคุมกำเนิดที่พบว่าสามารถทำให้ฟีโรโมนส์ของผู้หญิงลดลง ทำให้เธอไม่ค่อยมีเสน่ห์ดึงดูดใจต่อเพศตรงข้าม" ดร.นีฟเล่า อย่างไรก็ตาม การศึกษาเรื่องอิทธิพลของสารฟีโรโมนส์ในมนุษย์ก็ยังเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปอีกมาก แต่สารฟีโรโมนส์มีการค้นพบว่าเป็นสารที่มีอิทธิพล มีบทบาทสำคัญต่อสัตว์มานานแล้ว เช่นช่วยในการเลือกคู่ของหนูแอมสเตอร์ แต่อย่างไรซะก็อย่าหวังพึ่ง "ฟีโรโมนส์" จนลืมเสน่ห์ที่จริงอย่างความดี ความงามของจิตใจไปซะล่ะ!!
[ ที่มา...หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน 2543 ]

ไม่มีความคิดเห็น: